วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Be with me



เรื่องราวที่อาจทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น แบ่งเป็น 3 ส่วนที่เชื่อมกันอย่างบางๆ
ความรักที่ 1 : แจ๊คกี้และแซม เด็กสาวสองคนที่รู้จักกันทางอินเตอร์เนต
ทั้งคู่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันและความรู้สึกนั้นมันเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน ทั้งสองไป
เที่ยวด้วยกันและสื่อสารข้อความหวานผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทุกอย่างดูจะ
เป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วความรักก็ต้องจางหายเมื่อแซมเริ่มเปลี่ยนไป

ความรักที่ 2 : ชาย หนุ่มตัวอ้วน ที่ชีวิตไม่มีดี ร่างใหญ่ ใจปลาซิว เป็นไอ้ขี้แพ้อย่าง
สมบูรณ์แบบ เขากินตลอดเวลาอย่างตะกละตะกราม นี่อาจเป็นช่วงเวลาเดียวที่
เขาแสดงความมีอำนาจส่วนตัว ในฐานะผู้ชนะต่อจานอาหารที่อยู่ตรงหน้า และถึงแม้ว่า
ชีวิตนี้จะไม่มีอะไรดีเลย แต่ชายอ้วนก็อยู่ได้ด้วยความรัก เขาแอบหลงรักหญิงสาวสูงศักดิ์
ที่ทำงานอยู่ในตึกเดียวกัน และเขาเลือกที่จะประกาศความรักผ่านทางจดหมายน้อย

ความรักที่ 3 : ชาย แก่ผู้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ด้วยการจากไปอย่างไปหวนกลับ
ของภรรยาสุดที่รัก ผู้ร่วมชีวิติกันมายาวนาน เขารู้สึกว้าเหว่ และอยู่อย่างซังกะตาย

 
Be With Me พูดถึงสังคมแวดล้อมของคน 2 วัย ดังในความรักที่1 คู่เด็กสาววัยรุ่น
ยุคเทคโนโลยีปัจจุบันที่โลกของพวกเขาเป็นส่วนตัวลงไปทุกขณะ (individual)
 ครอบครัวไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้
เด็กหมกมุ่นกับตัวเองมากเกินไป จนลืมมองว่าโลกนี้ช่างกว้างนัก
สำหรับแจ๊คกี้ แซมกลายเป็นทุกลมหายใจของเธอ เมื่อขาดแซมเธอเหมือนหายใจไม่ออก 
 แล้วชีวิตก็ไม่มีค่าอีกต่อไป เธอจึงพยายามจะจบมันลง . . . ในขณะที่

ความรักที่ 3 ชาย ชราผู้ซึมเศร้าที่แม้จะเก็บตัวเงียบๆ อยู่ในร้าน แต่เขาก็ยังมีสังคม
มีผู้คนแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน หรือชายอ้วนลูกค้าประจำที่ยังทักทายกันเสมอๆ

 Be With Me ดำเนินเรื่องมาอย่างเงียบเชียบ แต่กลับทรงด้วยพลัง . . .   
ความเงียบนี้อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ผู้กำกับจงใจให้ผู้ชม สัมผัส ได้มากขึ้น 
เล่ากันว่าหลังจากที่หนังจบลง ผู้คนในโรงถึงกับลุกขึ้นยืนปรบมือให้หนังนานถึง 5 นาที
ไม่เฉพาะแต่ความเป็น หนังดีเท่านั้น ที่ผู้ชมอุทิศเสียงปรบมือให้ แต่เพราะนี่คือ
หนังที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่า เพราะเหตุใด ความรักจึงมีความสำคัญต่อชีวิตนัก

 
** หนังสร้างจากชีวิตจริง เธเรซา เฉิน เหมือนจะเป็นสตรีที่โชคร้ายไม่น้อย 
เธอหูหนวกตั้งแต่อายุ 14 หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาทั้งสองข้างก็ค่อยๆ มืดบอด
จนในที่สุดโลกทั้งใบของเธอก็ตกอยู่ในความมืดและความเงียบ ไม่สามารถได้ยินเสียง
ไม่อาจเห็นภาพใดๆ ได้อีกต่อไป ต่อๆ มาเธอก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน เธอตั้งหลักใหม่ 
หยุดเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และใช้ชีวิตอย่างมีความหวังพร้อม
จะเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เดินทางเข้ามาสู่ชีวิต ทำให้เธเรซาผ่านประสบการณ์ชีวิตมา
อย่างโชกโชน ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง เกินหน้าเกินตาคนที่มีร่างกายสมบูรณ์พร้อม
เธอได้เรียนต่อที่อเมริกา ใช้ชีวิตที่นั่นนานกว่า 10 ปี เธอหัดเต้นรำ ขี่ม้า เล่นสเกตน้ำแข็ง
เคยรับบท จูเลียต ในละครวิทยาลัย เมื่อกลับสิงคโปร์ก็เข้าทำงานเป็นครูในโรงเรียน
สอนเด็กพิการ เท่านั้นยังไม่พอ  ในวัย 61 คุณยายเธเรซายังได้เป็นดารา
รับบทเด่นในหนังชื่อ Be With Me นี้อีกด้วย

เอริก คู พบเธเรซา เฉินครั้งแรกในปี 2003 ที่งานเลี้ยงแต่งงานรายการหนึ่ง
เขาฟังคุณยายเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของตนเองด้วยความทึ่ง และในที่สุดก็ใช้มัน
เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนัง เรื่อง Be With Me พร้อมกันนั้นก็เชื้อเชิญ
คุณยายให้มารับบทเป็นตัวเองในหนัง

ขอขอบคุณ review บางส่วนจาก http://jetkeh.exteen.com/
20070130/be-with-me บอกได้คำเดียวว่า หนังเรื่องนี้ ไม่ดูไม่ได้แล้ว
ไม่ใช่หนังดูสนุก แต่ทำให้เราได้ตระหนักว่าเหตุใด
ความรักจึงมีความสำคัญต่อชีวิตนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น