วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Gia : หนังสุดสยิวของ แองเจลีน่า โจลี


นำแสดงโดย Angelina Jolie
หนังสร้างจากเรื่องราวชีวิตจริง ของนางแบบชื่อก้อง โลก Gia Marie Carangi
ที่มีชีวิตอยู่ ในช่วงปี 1960-1986 เป็นวัยรุ่นจาก Philadelphia
ที่ย้ายมายังนิวยอร์คแล้วได้รับการทาบทามให้เป็นนางแบบ ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
จากที่พุ่งไปสู่จุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุด จากการที่ Linda ทิ้ง Gia ไปรักกับผู้ชาย
Gia เลยซึมเศร้าอย่างแรงและทำให้ Gia ....
ฉากที่ฮือฮามากฉากหนึ่ง คงไม่พ้นฉากที่เธอเปลือยแล้วโพสท่าถ่ายรูป
มันสุดยอดมากพระเจ้าจอร์จ เปลือยทั้งตัวนะ ขอบอก o_O!เล่นเรื่องนี้เธอช่างกล้า
แถมยังมีฉากวาบหวิว ตอนที่ Gia มีอะไรๆกับ Linda อีก พอให้ได้นั่งตาค้างกัน
นี่เป็นเหตุผลที่เพื่อนๆ สงสัยกันว่าทำไมมีข่าวว่าโจลี่เป็นเลส ก็มาจากเรื่องนี้แหระคร๊าาาาฟ

The monkey's mask


 

ติดทำเนียบ 1 ใน 10 ฉากรักแนวหญิงรักหญิงที่ดีที่สุด ที่นักวิจารณ์
ทั่วโลกต่างยอมรับ  เรื่องราวของจิล ฟิซสปาทริค นักสืบเอกชนวัย 28 ปี
เธอปรารถนาเเละโหยหาความรัก เธอรับงานสืบคดีคนหาย
จิลรู้สึกถูกใจเเละสานสัมพันธ์กับครูวิชาบทกลอนของเด็กนักเรียนสาวชื่อมิคกี้ (ไดอาน่า)
จิลมีความสุขกับรักครั้งนี้ได้ไม่นานจนกระทั่งได้เจอศพของมิคกี้ พ่อเเม่ของมิคกี้
ไม่เชื่อคำตัดสินของตำรวจ พวกเขาจ้างจิลให้ช่วยสืบหาฆาตกรตัวจริงที่ฆ่ามิคกี้
จิลได้พบว่ามีคนมากมายที่เกี่ยวข้องและเรื่องน่าสงสัยอีกมากที่ไดอาน่าโกหกเธอ 

 

บทกลอนได้เข้ามาเป็นปมปัญหาที่ทำให้จิลสืบไปถึงนักกวีอีกสองคน
เเละจิลยังต้องเผชิญกับเสียงนิรนามจากเครื่องตอบรับโทรศัพท์ จิลจะทำอย่างไร
เพื่อจะสืบหาความจริง ทั้งที่ตอนนี้ชีวิตเธอก็ตกอยู่ในอันตรายด้วยเหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Out at the wedding : วิวาห์ป่วน ... ชวนน้องเทิร์นเกย์


อเล็กซ์ สาวสวยวัย 30 ปี ย้ายไปตั้งถิ่นฐานในเมืองนิวยอร์ค จนได้ดิบได้ดี
เป็นผู้นำเข้าไวน์ที่ประสบความสำเร็จ เธอได้หมั้นหมายกับเดน่า นักบินหนุ่มรูปหล่อ
และพวกเขามีแผนจะแต่งงานกันในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ชีวิตของอเล็กซ์กำลังไปได้สวยทั้งเรื่องงานและความรัก แต่ปัญหาก็คือ

 

อเล็กซ์คิดว่าครอบครัวของเธอคงไม่ยอมรับเดน่าอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นคนผิวดำ
หนำซ้ำยังเป็นยิวอีกต่างหาก เธอจึงไม่ต้องการให้เดน่า
รู้จักกับครอบครัวเธอ จึงโกหกเขาว่าครอบครัวเธอตายหมดแล้ว และแล้วก็ถึงเวลา
ที่อเล็กซ์ต้องกลับบ้านไปร่วมงานแต่งงานของจีนนี่ น้องสาวของเธอ
อเล็กซ์และจีนนี่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก จีนนี่ มีนิสัยแบบคุณหนู เจ้าอารมณ์
เอาแต่ใจ เธอไม่ชอบให้อเล็กซ์เด่นกว่าเธอ และในงานแต่งงานของจีนนี่
นี่เองที่เรื่องวุ่นๆก่อตัวขึ้น เมื่อโจนาธาน เพื่อนชาวเกย์ของอเล็กซ์ 
เป็นต้นเหตุให้ใครต่อใครเข้าใจผิดคิดว่า อเล็กซ์ เป็นเลสเบี้ยน

 ข่าวลือแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนเป็นประเด็นให้คนทั้งงานพูดถึง ซึ่งทำให้จีนนี่
ไม่พอใจอย่างมาก เพราะงานแต่งงานที่เธอสู้อุตส่าห์เตรียมการอย่างดี
ถูกข่าวลือของอเล็กซ์แย่งความสนใจไปซะได้
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่ออเล็กซ์เข้าไปปรับความเข้าใจกับจีนนี่  จีนนี่กลับแสดง
ความเข้าอกเข้าใจและยอมรับได้ที่พี่สาวเป็นเลสเบี้ยน ยิ่งไปกว่านั้น
จีนนี่กลับออกอาการตื่นเต้นซะอีก ถึงกับจะตามไปทำความรู้จักแฟนสาวของอเล็กซ์
อเล็กซ์ ไม่กล้าบอกความจริงกับจีนนี่ เพราะกลัวจีนนี่จะเข้าใจว่า เธอแกล้งปล่อยข่าวลือ
เพื่อทำลายงานแต่ง อีกอย่างจะให้เดน่ารู้ว่าครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้
เมื่อเรื่องเลยเถิดไปถึงขนาดนี้ เมื่อโกหกแล้ว ก็ต้องโกหกไปให้ตลอดรอดฝั่ง
โจนาธานจึงเสนอแผนการลับให้อเล็กซ์จ้างลิซ่า


สาวเลสมาเป็นแฟน และแผนการนี้เองที่ทำให้เรื่องวุ่นๆ ยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
ในสุดท้ายแล้ว เรื่องวุ่นวายนี้จะจบลงอย่างไร อเล็กซ์จะโกหกได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
หรือว่าใครจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มาร่วมลุ้นและหัวเราะไปกับพวกเขาได้เลย

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Inescapable : คนดี หนีฉันไม่พ้นหรอก





เจสซี่และซูซาน คู่รักที่อยู่ด้วยกันมานาน เดินทางไปพักผ่อนที่บ้านของเบธ
เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของซูซาน ในตอนแรกเจสซี่แอบหึงหวงไม่อยากไป
เพราะรู้ดีว่าซูซานและเบธสนิทกันมาก เมื่อไปถึงบ้านเบธ เจสซี่ได้พบกับโคลอี้
คนรักของเบธ ทั้งสองคนเกิดความพอใจกันตั้งแต่แรกเห็น
ประกอบกับซูซานเอาแต่สนใจเบธ เจสซี่จึงสบโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับโคลอี้
กระทั่งทั้งสองแอบนอกใจคนรักของตัวเองเมื่อซูซานและเบธไปร่วมงาน
สัมมนาด้วยกัน ปล่อยให้เจสซี่และโคลอี้อยู่บ้านด้วยกันตามลำพัง หลังจากนั้น
เจสซี่และโคลอี้ก็แอบมีอะไรกันมาตลอด
เมื่อใกล้ถึง วันที่เจสซี่และซูซานต้องเดินทางกลับ โคลอี้ต้องการคบกับเจสซี่แบบจริงจัง
แต่เจสซี่ไม่สามารถตัดสินใจได้ ใจหนึ่งเธอไม่เข้มแข็งพอจะทิ้งซูซาน
แต่อีกใจหนึ่งก็ต้องการโคลอี้ แล้วเจสซี่จะตัดสินใจอย่างไร

เป็นหนังอาร์ ที่มีฉากเลิฟซีนที่นุ่มนวล ละมุ่นละไม มีกันทุกที่ ทุกเวลาที่ลับตาผู้คน
ทั้งในบ้าน ในห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ เรื่องนี้เป็น soundtrack ไม่มี sub นะคร๊าบ
ดูแค่ฉากเลิฟซีน ก็ไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่องแล้ว ^^

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

If these walls could 2


 

หนังสั้น 3 เรื่อง ที่กำกับโดยผู้กำกับ 3 คน บอกเล่าเรื่องราวของเลสเบี้ยน
ในสามยุค สามสมัยที่บังเอิญได้มาพักอาศัย อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และต้องพบกับ
ความอึดอัดคับข้องใจของสังคมที่มีต่อพวกเธอ

 
อีดิธ (Vanessa Redgrave) เลสเบี้ยนรุ่นใหญ่ที่ต้องทนทุกข์กับการจากไป
ของคนรักและการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่วมสร้างกันมา เพราะครอบครัวของคนรัก
ได้รับสิทธิ์นั้นเต็มที่ตามกฎหมายในขณะที่เธอเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น

 
เรื่องต่อมาเกิดขึ้นในปี 1972 ลินดา (Michelle Williams)
เลสเบี้ยนสาวเฟมินิสต์ ที่มาตกหลุมรักกับ เอมี่ (Chlom Sevigny)
ในบาร์เลสเบี้ยนแห่งหนึ่ง และนั่นก็เป็นการทลายอคติและยอมรับความเป็นตัวของตัวเองได้

 
เรื่องสุดท้าย ในปี 2000 คู่เลสเบี้ยน ฟราน(Sharon Stone) และแคล(Ellen DeGeneres)
ตั้งใจที่จะมีลูกด้วยกัน แต่ปัญหามากมายที่เกิดขึ้นทำให้พวกเธอ
ต้องกลับมาคิดทบทวนกันอีกครั้งว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่

หนังได้เข้าชิง golden globe award กับ emmy award นำแสดงโดยนักแสดง
ที่มีชื่อเสียงมากมาย หนังน่ารัก อบอุ่น น่าประทับใจ บทเลิฟซีนสวย

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Intimate jisor



หว่าย สาวรุ่นที่ตั้งหน้าตั้งตาขยันทำงานและจริงจังกับงานที่ทำอยู่
เธอรักแฟนหนุ่มของเธอมาก แต่หารู้ไม่ว่าแฟนหนุ่มของเธอปันใจไปรักสาวอื่นเข้าซะแล้ว
จนวันหนึ่งเธอตั้งใจจะกลับไปหาพ่อที่เมืองจีน โดยมีหญิงรุ่นใหญ่ติดตามกลับไปกับเธอด้วย
หว่ายรู้มาว่า สาวใหญ่คนนี้ไม่เคยแต่งงานและยืนกรานจะขอครองโสดไปตลอดชีวิต
เธอจึงพยายามเถียงผู้ใหญ่คนนี้เสมอ

 

เวลาที่เธอโดยติเตียนเรื่องเธอกับแฟนหนุ่ม โดยกล่าวหาว่าสาวใหญ่คนนี้ไม่เคยมีความรัก
จะไปรู้อะไร สาวใหญ่คนนี้ย้อนวันวาน หวนรำลึกไปยังอดีตที่ตนเองยังจำไม่ลืมเลือน
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี เด็กสาวนามว่า "ฟุน" คนนี้ ถูกที่บ้านบังคับให้แต่งงานหรือเรียกง่ายๆ
ว่าขายลูกสาวให้กับเศรษฐีหนุ่มนั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวไม่เต็มใจ ธอจึงหนีเข้าไป
อยู่ในสำนักที่ชื่อว่า "Ji sor" เป็นสำนักที่มีแต่ผู้หญิงโสด

 

และให้คำมั่นว่าจะไม่แต่งงานในชาตินี้ แต่เรื่องมันไม่จบเท่านั้น เมื่อคนของเศรษฐีตัณหากลับ
รวมไปถึงพ่อของฟุนบุกเข้าสำนักเพื่อหวังจะเอาตัวเธอไปส่งให้เจ้าหนี้
จนสาวเจ้าทนไม่ไหว ยื้อกรรไกรหวังปลิดชีพตัวเองทิ้ง
แต่โชคยังเข้าข้างฟุนเมื่อหญิงสาวเจ้าเสน่ห์อย่าง "หวาน" เข้ามาช่วยเธอไว้
หลังจากวันนั้นมาฟุนก็ยอมพลีกายรับใช้หวานอย่างเต็มใจ โดยทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว
อย่างไม่เป็นทางการนัก "หวาน" เป็นหญิงแกร่ง ที่ถูกแม่ตัวเองบังคับให้ขายตัวตั้งแต่อายุ 13
ซึ่งเธอเองก็ไม่ยี่หระต่อชะตาชีวิตตัวเอง เธอกลายมาเป็นเมียคนที่ 8 ของ "หยิว ชาง"
เศรษฐีหนุ่มเจ้าของโรงปั่นไหม ท่ามกลางความไม่พอใจของเมียอีก 7 คน
 

หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณเชื่อว่า การรอคอยใครคนหนึ่งที่เรารัก และรักเรา
มันคุ้มค่าและมีความหมายแค่ไหน เป็นหนังรักโรแมนติก เพลงเพราะ ซาบซึ้งสะเทือนอารมณ์
เนื้อเรื่องเข้มข้นถือเป็นหนังคุณภาพอีกเรื่องหนึ่ง
ขอขอบคุณ review บางส่วนจาก
http://ayanami2.exteen.com/20070811/the-best-of-y-movie-ji-sor-intimates

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

And then came to lola


เรื่องของโลล่า สาวช่างภาพนักฝัน ฝีมือดีเสียอย่างเดียวสติสตัง
ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ หล่อนเกือบจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก
และหน้าที่การงานอยู่แล้วเชียว แต่ก็ดันเกือบพลาด เพราะนัดสำคัญครั้งแรกในชีวิต
 หล่อนมีโอกาสเพียงแค่สามครั้งเท่านั้นที่จะทำมันให้สำเร็จ










มาเอาช่วยโลล่ากันว่าหล่อนจะทำได้สำเร็จหรือไม่ มาตามดูกันสิว่าที่เธอจินตการไปนั้น
มีอะไรบ้าง ต้องติดตาม หนังเล่าเรื่องโดยมีการผสมผสานการ์ตูนแอนนิเมชั่
เพื่อให้ดูสนุก น่าติดตามยิ่งขึ้น เป็นหนังทอมดี้ที่ดูเพลิน ดูไปขำไป


วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Be with me



เรื่องราวที่อาจทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น แบ่งเป็น 3 ส่วนที่เชื่อมกันอย่างบางๆ
ความรักที่ 1 : แจ๊คกี้และแซม เด็กสาวสองคนที่รู้จักกันทางอินเตอร์เนต
ทั้งคู่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันและความรู้สึกนั้นมันเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน ทั้งสองไป
เที่ยวด้วยกันและสื่อสารข้อความหวานผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทุกอย่างดูจะ
เป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วความรักก็ต้องจางหายเมื่อแซมเริ่มเปลี่ยนไป

ความรักที่ 2 : ชาย หนุ่มตัวอ้วน ที่ชีวิตไม่มีดี ร่างใหญ่ ใจปลาซิว เป็นไอ้ขี้แพ้อย่าง
สมบูรณ์แบบ เขากินตลอดเวลาอย่างตะกละตะกราม นี่อาจเป็นช่วงเวลาเดียวที่
เขาแสดงความมีอำนาจส่วนตัว ในฐานะผู้ชนะต่อจานอาหารที่อยู่ตรงหน้า และถึงแม้ว่า
ชีวิตนี้จะไม่มีอะไรดีเลย แต่ชายอ้วนก็อยู่ได้ด้วยความรัก เขาแอบหลงรักหญิงสาวสูงศักดิ์
ที่ทำงานอยู่ในตึกเดียวกัน และเขาเลือกที่จะประกาศความรักผ่านทางจดหมายน้อย

ความรักที่ 3 : ชาย แก่ผู้ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ด้วยการจากไปอย่างไปหวนกลับ
ของภรรยาสุดที่รัก ผู้ร่วมชีวิติกันมายาวนาน เขารู้สึกว้าเหว่ และอยู่อย่างซังกะตาย

 
Be With Me พูดถึงสังคมแวดล้อมของคน 2 วัย ดังในความรักที่1 คู่เด็กสาววัยรุ่น
ยุคเทคโนโลยีปัจจุบันที่โลกของพวกเขาเป็นส่วนตัวลงไปทุกขณะ (individual)
 ครอบครัวไม่ได้เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้
เด็กหมกมุ่นกับตัวเองมากเกินไป จนลืมมองว่าโลกนี้ช่างกว้างนัก
สำหรับแจ๊คกี้ แซมกลายเป็นทุกลมหายใจของเธอ เมื่อขาดแซมเธอเหมือนหายใจไม่ออก 
 แล้วชีวิตก็ไม่มีค่าอีกต่อไป เธอจึงพยายามจะจบมันลง . . . ในขณะที่

ความรักที่ 3 ชาย ชราผู้ซึมเศร้าที่แม้จะเก็บตัวเงียบๆ อยู่ในร้าน แต่เขาก็ยังมีสังคม
มีผู้คนแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน หรือชายอ้วนลูกค้าประจำที่ยังทักทายกันเสมอๆ

 Be With Me ดำเนินเรื่องมาอย่างเงียบเชียบ แต่กลับทรงด้วยพลัง . . .   
ความเงียบนี้อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ผู้กำกับจงใจให้ผู้ชม สัมผัส ได้มากขึ้น 
เล่ากันว่าหลังจากที่หนังจบลง ผู้คนในโรงถึงกับลุกขึ้นยืนปรบมือให้หนังนานถึง 5 นาที
ไม่เฉพาะแต่ความเป็น หนังดีเท่านั้น ที่ผู้ชมอุทิศเสียงปรบมือให้ แต่เพราะนี่คือ
หนังที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่า เพราะเหตุใด ความรักจึงมีความสำคัญต่อชีวิตนัก

 
** หนังสร้างจากชีวิตจริง เธเรซา เฉิน เหมือนจะเป็นสตรีที่โชคร้ายไม่น้อย 
เธอหูหนวกตั้งแต่อายุ 14 หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาทั้งสองข้างก็ค่อยๆ มืดบอด
จนในที่สุดโลกทั้งใบของเธอก็ตกอยู่ในความมืดและความเงียบ ไม่สามารถได้ยินเสียง
ไม่อาจเห็นภาพใดๆ ได้อีกต่อไป ต่อๆ มาเธอก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน เธอตั้งหลักใหม่ 
หยุดเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และใช้ชีวิตอย่างมีความหวังพร้อม
จะเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เดินทางเข้ามาสู่ชีวิต ทำให้เธเรซาผ่านประสบการณ์ชีวิตมา
อย่างโชกโชน ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง เกินหน้าเกินตาคนที่มีร่างกายสมบูรณ์พร้อม
เธอได้เรียนต่อที่อเมริกา ใช้ชีวิตที่นั่นนานกว่า 10 ปี เธอหัดเต้นรำ ขี่ม้า เล่นสเกตน้ำแข็ง
เคยรับบท จูเลียต ในละครวิทยาลัย เมื่อกลับสิงคโปร์ก็เข้าทำงานเป็นครูในโรงเรียน
สอนเด็กพิการ เท่านั้นยังไม่พอ  ในวัย 61 คุณยายเธเรซายังได้เป็นดารา
รับบทเด่นในหนังชื่อ Be With Me นี้อีกด้วย

เอริก คู พบเธเรซา เฉินครั้งแรกในปี 2003 ที่งานเลี้ยงแต่งงานรายการหนึ่ง
เขาฟังคุณยายเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของตนเองด้วยความทึ่ง และในที่สุดก็ใช้มัน
เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนัง เรื่อง Be With Me พร้อมกันนั้นก็เชื้อเชิญ
คุณยายให้มารับบทเป็นตัวเองในหนัง

ขอขอบคุณ review บางส่วนจาก http://jetkeh.exteen.com/
20070130/be-with-me บอกได้คำเดียวว่า หนังเรื่องนี้ ไม่ดูไม่ได้แล้ว
ไม่ใช่หนังดูสนุก แต่ทำให้เราได้ตระหนักว่าเหตุใด
ความรักจึงมีความสำคัญต่อชีวิตนัก

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

persona


สาวสวย สองคนที่มีความเป็นศิลปินสูง เธอทั้งสองมีความรักให้กัน อาศัยอยู่ด้วยกัน
แต่การอยู่ด้วยกันนั้นไม่ได้หมายความจะต้องเป็นคู่กันหรือเข้าใจกันเสมอไป
 "อลิซาเบธ" นักแสดงสาวผู้เข้ารับการรักษาและบำบัดอาการ "ปฏิเสธจะพูดกับทุกคน"
โดยมีนางพยาบาลสาว "อัลม่า" ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลคนไข้รายนี้
ทั้งคู่ใช้เวลาร่วมกันในบ้านพักตากอากาศริมชายหาดอันเงียบสงบ

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆ พัฒนาใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้เกินครึ่งเรื่อง "อัลม่า"
จะเป็นฝ่ายพูดมากมายอยู่ฝ่ายเดียว โดยมี "อลิซาเบธ" นั่งฟังอย่างตั้งใจ
เธอทำเพียงสูบบุหรี่จิบวิสกี้ และฟังเรื่องราวต่างๆ
อย่างตั้งอกตั้งใจ
"อลิซาเบธ" นั้นเป็นฝ่ายรับรู้เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของพยาบาล
"อัลม่า" ที่เริ่มพูดสิ่งต่างๆ มากมายจนถึงเรื่องที่เป็น "ความลับ" ที่เธอเคยนอกใจคู่หมั้น
แอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นด้วยรูปแบบเซ็กซ์หมู่ ... หลังพรั่งพรูความลับ เพราะความมึนเมา
"อลิซาเบธ" ที่ยังคงเงียบงัน มีเพียงการแสดงการปลอบใจทางสีหน้า อากัปกิริยา
แต่ลึกๆ เธอดูมีทีท่าสนใจในเรื่องราวและตัวตนของนางพยาบาลสาวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มต้นศึกษาอีกฝ่ายอย่างจริงจังเงียบๆ


เมื่อ "อัลม่า" ล่วงรู้ความจริงจากการแอบอ่านจดหมายที่ "อลิซาเบธ" ที่ดูเหมือน
จะหายเป็นปกติกับอาการไม่ยอมพูดคุยกับใคร แต่ใช้วิธีเขียนจดหมายหาสามีแทน
จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอกำลังเป็นเพียง "บุคคล" ที่ "อลิซาเบธ" กำลังเฝ้ามอง ศึกษา
ความโกรธไม่พอใจเสมือนถูกหลอกจึงตามติดก่อนที่หนังจะพาข้ามไปสู่ความซับซ้อน
ของตัวละครทั้งสองที่มีสภาพ "กลืนกิน" บุคลิก และจิตใต้สำนึกร่วมกัน
พูดง่ายๆ ทั้งคู่เสมือนแชร์ความคิด จิตใจ และจิตใต้สำนึกร่วมกัน
จนยากจะแยกแยะบุคลิกทั้งคู่ได้ชัดเจน


ในฉากท้ายๆ หนังทำเสมือนเป็นไปได้ทั้งสองคนเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน
ที่มีจิตใจซับซ้อน ด้วยภาพการแบ่งครึ่งหน้าจอของผู้หญิงสองคน หนังพูดถึงประเด็น
และนำเสนออย่าง "นามธรรม" มากๆ เพื่อรองรับกับสภาพจิตใจ ความคิดของมนุษย์นั้น
ที่จริงแล้วมันวุ่นวาย ยุ่งเหยิง และเป็นเพียงสิ่งที่ลอยในอากาศ
6 นาทีแรกของการเปิดตัว Persona เป็นหนังทอมดี้ที่ใช้ภาพต่างๆ มากมายตัดต่อเข้ากัน
ทั้งม้วนฟิล์มภาพยนตร์การ์ตูน มือ ฉากขาว หนังตลกยุคหนังเงียบ แมงมุม แกะ 
เล็บ หิมะสีหม่น เด็กชาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการตีความได้ต่างๆ
ผ่านการให้ภาพเชิงจินตนาการให้เราได้รู้สึกว่าบางสิ่งที่ผิดปกติกำลังตามมา
ในซีนถัดไป เบิร์กแมนใช้วิธีท้าทายกระตุ้นให้เราคิดในสิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านี้
สิ่งแวดล้อมอะไรที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ และขยายลงลึกไปถึงห้วงจิต
ที่สามารถจะคิดได้เฉกเช่นคนที่เราเลียนบุคลิกภาพ ? ... แล้วทำไม
ต้องอยากเปลี่ยนบุคลิกไปเป็นอีกคนหนึ่ง? มีภาพยนตร์หลายเรื่อง
ที่สร้างแรงจูงใจให้ตัวละครตัวหนึ่งอยากจะเลียนแบบ หรือปรับเปลี่ยน
บุคลิกภาพไปเป็นอีกคนหนึ่งโดยให้แรงจูงใจผ่านประเด็น จิตวิทยา
และตัวละครเหล่านี้มักจะปรากฏในภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญเป็นส่วนใหญ่
ตัวละครเหล่านี้ต่างก็มีจุดอ่อนหรือปมในตัว ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวัง ความรักหรือ
หลงเสน่ห์ในอีกตัวละครหนึ่ง แต่ก้ำกึ่งระหว่างความรักกับความเกลียดอีกฝ่าย

 

หนังที่มีตัวละครหลักในตระกูลนี้ที่คุ้นกันดีอย่าง Single white female, Taking Lives,
The Talented Mr.Ripley และ Swimming Pool เป็นต้น แต่หากจะย้อนดูความคลาสสิค
ของภาพยนตร์แนวนี้ Persona ของผู้กำกับฯสวีเดนผู้ถูกขนานนามว่าทำหนังเรียบง่าย
ทุนไม่สูงแต่มีโครงเรื่องซับซ้อน "อิงมาร์ เบิร์กแมน" ทำหนังที่พูดประเด็นนี้ชัดเจนที่สุด
ผ่านโครงเรื่องเรียบๆ แต่สุดจะพาให้คนดูต้องคิดซับซ้อนว่าด้วยการสำรวจ
บุคลิกเชิงมิติของตัว ละครหลักสองคน
ขอขอบคุณ review จาก คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง โดย ติสตู tisto
มติชนรายวันวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11299

หนังอาร์ตมากๆ เล่าเรื่องด้วยภาพขาวดำ ... อินดี้สุดๆ
หาดูไม่ได้อีกแล้วหนังทอมดี้แนวนี้ เป็นหนัง Soundtrack มี sub thai